เสน่ห์ 'กลิ่นอายตรุษจีน' แบบดั้งเดิมของคุณ ยังคงอยู่ไหม?
เรามักจะบ่นว่า เทศกาลตรุษจีนดูเหมือนจะ "ไร้กลิ่นอายแห่งเทศกาล" มากขึ้นทุกที ขนบธรรมเนียมที่เคยเต็มไปด้วยพิธีกรรม ดูเหมือนจะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยอั่งเปาออนไลน์และการส่งคำอวยพรแบบกลุ่ม
สิ่งที่เราหวนระลึกถึง อาจไม่ใช่แค่ตัวประเพณีดั้งเดิมเท่านั้น แต่เป็นความรู้สึกของการเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับวัฒนธรรม
วันนี้ ผมอยากจะชวนคุณมาคุยกันเรื่องคริสต์มาสของรัสเซีย เรื่องราวของพวกเขาเปรียบเสมือนการค้นพบ "ตำราอาหารสูตรลับประจำตระกูล" ที่หายสาบสูญไปนาน ซึ่งอาจจะให้แรงบันดาลใจที่น่าสนใจกับเราได้
นานมาแล้ว ตำราอาหารที่เต็มไปด้วย "มนต์ขลัง"
ลองจินตนาการดูว่า ที่บ้านของคุณมีตำราอาหารที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ซึ่งไม่ได้บันทึกแค่เมนูธรรมดาๆ แต่เป็นสูตรลับสำหรับเทศกาลที่เต็มไปด้วยพิธีกรรมอันเปี่ยมมนต์ขลัง
ในรัสเซียโบราณ เทศกาลคริสต์มาสก็เปรียบเสมือนหนังสือเล่มนั้น
ในวันคริสต์มาสอีฟ สิ่งแรกที่ทุกครัวเรือนจะทำ ไม่ใช่การตกแต่งต้นคริสต์มาส แต่เป็นการใช้กิ่งต้นสนจูนิเปอร์เช็ดถูเพดาน กำแพง และพื้น ทำความสะอาดครั้งใหญ่ให้หมดจด จากนั้นทั้งครอบครัวจะพากันไปที่ห้องอบไอน้ำ เพื่อชำระล้างฝุ่นละอองของทั้งปีออกไป
เมื่อค่ำคืนมาเยือน "มนต์ขลัง" ที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น เด็กๆ จะทำดาวดวงใหญ่จากกระดาษและไม้ แล้วถือดาวนั้นร้องเพลงไปตามบ้านต่างๆ เพื่อสรรเสริญเจ้าของบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านผู้ใจกว้างก็จะตอบแทนด้วยขนม ลูกกวาด และเงินเหรียญ เหมือนกับเป็นเกมล่าสมบัติที่อบอุ่น
ก่อนที่ดาวดวงแรกจะปรากฏบนท้องฟ้า ทุกคนจะต้องอดอาหาร ผู้ใหญ่จะเล่าเรื่องราวของนักปราชญ์ที่ติดตามดวงดาวเพื่อนำของขวัญไปมอบให้แก่พระเยซูแรกประสูติ ผู้คนเชื่อว่าน้ำในคืนวันคริสต์มาสอีฟมีพลังในการรักษา พวกเขาจะใช้น้ำ "ศักดิ์สิทธิ์" ล้างหน้าล้างตา หรือแม้กระทั่งนวดลงในแป้งโดว์ เพื่ออบเป็นพายที่สื่อถึงพรและสิริมงคล
ทุกหน้าใน "ตำราอาหาร" เล่มนี้ ล้วนเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง จินตนาการ และการเชื่อมโยงที่เรียบง่ายที่สุดระหว่างผู้คน
70 ปีที่ตำราอาหารเล่มนั้นหายไป
บัดนี้ ลองจินตนาการดูว่า ตำราอาหารอันเปี่ยมมนต์ขลังเล่มนี้ จู่ๆ ก็ถูกปิดลงอย่างกะทันหันและถูกขังไว้ในตู้ ปิดตายยาวนานกว่า 70 ปี
ในช่วงสมัยสหภาพโซเวียต เทศกาลคริสต์มาสถูกสั่งห้าม ขนบธรรมเนียมที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยกวีนิพนธ์เหล่านั้น คล้ายกับมนต์สะกดที่ถูกลืมเลือนไป และค่อยๆ เงียบหายไป ผู้คนรุ่นหนึ่งเติบโตขึ้นมาโดยไม่เคยได้เปิดดู "ตำราอาหาร" เล่มนั้นด้วยตัวเอง ทำได้เพียงปะติดปะต่อเค้าโครงที่เลือนรางจากคำบอกเล่าสั้นๆ ของผู้สูงอายุเท่านั้น
การสืบทอดทางวัฒนธรรมได้เกิดช่องว่างที่ลึกซึ้ง
สร้างรสชาติใหม่จากความทรงจำ
ปัจจุบันนี้ ตู้ใบนั้นถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่กาลเวลาไม่สามารถย้อนกลับได้
ชาวรัสเซียในปัจจุบันเฉลิมฉลองคริสต์มาสในวันที่ 7 มกราคม มันเป็นเหมือนการต่อยอดของวันหยุดปีใหม่ เป็นงานปาร์ตี้ครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ ผู้คนมารวมตัวกัน เพลิดเพลินกับอาหารอร่อย ดื่มเฉลิมฉลอง และอธิษฐานใต้ต้นคริสต์มาสที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันอบอุ่นและมีความสุขมาก แต่รสชาติ (ความรู้สึก) ก็แตกต่างไปจากเดิมแล้ว
สิ่งนี้ก็เหมือนกับตำราอาหารที่หายสาบสูญไปนั่นเอง คนรุ่นหลังทำได้เพียงพยายามจำลองมันขึ้นมาใหม่จากความทรงจำที่เลือนรางและความเข้าใจของตนเอง พวกเขายังคงรักษา "การรวมญาติของครอบครัว" ซึ่งเป็น "จานหลัก" ไว้ แต่ก็เพิ่ม "เครื่องปรุง" สมัยใหม่เข้าไปมากมาย รสชาติก็ถือว่าดี แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างอยู่เสมอ
ค้นพบตำราอาหารกลับคืนมา โดยไม่ทอดทิ้งปัจจุบัน
ส่วนที่น่าสนใจที่สุดมาถึงแล้ว
ตอนนี้ ชาวรัสเซียกำลังพยายาม "ค้นหา" ตำราอาหารโบราณเล่มนั้นกลับคืนมา พวกเขาเริ่มฟื้นฟูประเพณีที่ถูกลืมไปทีละน้อย นี่ไม่ใช่การปฏิเสธปัจจุบันทั้งหมด แต่เป็นการทำเหมือนเชฟผู้ชาญฉลาด ที่ค่อยๆ ค้นหา "เครื่องเทศ" ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดจากตำราอาหารเก่า เพื่อเพิ่มมิติที่เข้มข้นยิ่งขึ้นให้กับอาหารจานใหม่ในวันนี้
พวกเขาไม่ได้ทอดทิ้งความสุขจากงานปาร์ตี้ของครอบครัว แต่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวโบราณเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ พวกเขายังคงเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายที่ทันสมัย แต่ก็เริ่มพยายามสร้างสรรค์ขนบธรรมเนียมที่เต็มไปด้วยพิธีกรรมเหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง
กระบวนการนี้ทำให้คริสต์มาสของพวกเขามีความลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา มันทั้งมีน้ำหนักของประวัติศาสตร์ และความอบอุ่นของปัจจุบัน
ประเพณีที่แท้จริง คือสิ่งที่มีชีวิต
เรื่องราวของรัสเซียบอกความจริงง่ายๆ กับเราว่า วัฒนธรรมไม่ใช่วัตถุโบราณที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่มันมีชีวิตชีวา มันสามารถบาดเจ็บและแตกหักได้ แต่ก็สามารถเยียวยาและแตกกิ่งก้านสาขาใหม่ได้เช่นกัน
เราไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปว่า "กลิ่นอายเทศกาล" จะจางหายไป บางที สิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่การคัดลอกอดีตอย่างเคร่งครัด แต่เป็นการที่เรากล้าที่จะเปิด "ตำราอาหารเก่า" เล่มนั้น เหมือนชาวรัสเซียในวันนี้ เพื่อดึงเอาภูมิปัญญาและแรงบันดาลใจออกมา แล้วสร้างสรรค์ "รสชาติใหม่" ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับยุคสมัยของเราด้วยวิธีของเราเอง
การสืบทอดที่แท้จริง ไม่ใช่การทำซ้ำแบบไม่เปลี่ยนแปลง แต่คือการนำพามันไปพร้อมกับความเข้าใจและความรัก เพื่อให้มันเติบโตต่อไปในมือของเรา
หากคุณรู้สึกสนใจเรื่องราวที่ข้ามกาลเวลาเหล่านี้ อยากจะลองฟังเพื่อนชาวมอสโกเล่าด้วยตัวเองว่าครอบครัวของพวกเขาผสมผสานประเพณีเก่าและใหม่อย่างไรในการเฉลิมฉลองเทศกาล ภาษาไม่ควรเป็นอุปสรรคเลย
เครื่องมืออย่าง Lingogram ที่มีระบบแปลภาษา AI ในตัว สามารถช่วยให้คุณสื่อสารกับผู้คนจากทุกมุมโลกได้อย่างไร้รอยต่อ เพียงบทสนทนาง่ายๆ ครั้งเดียว อาจทำให้คุณได้สัมผัสชีพจรของวัฒนธรรมที่แตกต่าง และรู้สึกถึงคุณค่าอันล้ำค่าของการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา