ทำไมคนญี่ปุ่นถึงยังใช้ "อักษรจีนของคนขี้เกียจ" ที่เราลืมไปแล้ว?
เวลาคุณดูละครญี่ปุ่นหรือมังงะ เคยเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ นี้ไหม: 「々」?
มันมักจะปรากฏในคำอย่าง 「人々」 หรือ 「時々」 บ่อยๆ ครั้งแรกที่เห็น คุณอาจจะงงๆ ว่านี่มันพิมพ์ผิด หรือเป็นสัญลักษณ์ออนไลน์แบบใหม่กันแน่?
จริงๆ แล้ว มันคือ "ตัวช่วยอัจฉริยะของคนขี้เกียจ" ที่มีหน้าที่คล้ายๆ กับ " +1" เวลาเราแชทกัน หรือสัญลักษณ์ยกกำลังสอง (²) ในทางคณิตศาสตร์
ปุ่มลัด "คัดลอกและวาง"
ความหมายของสัญลักษณ์ 「々」 นั้นง่ายมาก: ทำซ้ำอักษรจีนตัวก่อนหน้า
- 人々 (hito-bito) = 人人 หมายถึง ผู้คน
- 時々 (toki-doki) = 時時 หมายถึง บ่อยๆ, บางครั้ง
- 日々 (hibi) = 日日 หมายถึง ทุกวัน
เห็นไหม มันก็คือปุ่มลัด "คัดลอกและวาง" ที่ถูกสร้างมาให้มีอยู่ในภาษาเลย ฉลาดมากใช่ไหมล่ะ?
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ คนญี่ปุ่นยังตั้งชื่อเล่นที่น่ารักสุดๆ ให้มันว่า 「ノマ」(noma)
ลองสังเกตดูดีๆ สัญลักษณ์ 「々」 มีลักษณะคล้ายอักษรคะตะคานะ 「ノ」 กับ 「マ」 ที่มาประกอบกันใช่ไหมล่ะ? เป็นชื่อเล่นที่สื่อความหมายได้ชัดเจนที่สุดแล้ว
"อักษรจีน" ที่คุ้นเคยที่สุด แต่ก็แปลกหน้าที่สุด
แต่ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ สัญลักษณ์ที่ดูมี "เอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น" นี้ แท้จริงแล้วเป็น "ของที่ผลิตในจีน" แท้ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานอีกด้วย
มันมีต้นกำเนิดมาจากอักษรหวัดของอักษรจีน รูปแบบดั้งเดิมคืออักษร 「仝」 (อ่านว่า ถง / tóng) ซึ่งแปลว่า "เหมือนกัน" หรือ "เท่ากัน" นักเขียนพู่กันจีนโบราณ เพื่อให้เขียนได้เร็วขึ้น ก็ได้เขียนหวัดอักษร 「仝」 ให้เป็นรูป 「々」
ย้อนไปถึงเครื่องสำริดสมัยราชวงศ์ชางเมื่อ 3,000 ปีก่อน ก็มีการใช้สัญลักษณ์นี้แล้ว เช่น ในจารึกที่สลักคำว่า "子子孙孙" (ลูกหลานสืบไป) อักษร "子" และ "孙" ตัวที่สองก็ถูกเขียนเป็นสัญลักษณ์อักษรซ้อน
ถูกต้องแล้ว สัญลักษณ์ที่เราคิดว่าคนญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้น แท้จริงแล้วคือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเรา เพียงแต่ในการวิวัฒนาการต่อมา ภาษาจีนสมัยใหม่คุ้นเคยกับการเขียนอักษรจีนซ้ำๆ โดยตรง (เช่น "人人" - ผู้คน, "常常" - บ่อยๆ) ในขณะที่ภาษาญี่ปุ่นกลับเก็บรักษา "สัญลักษณ์ของคนขี้เกียจ" ที่มีประสิทธิภาพนี้ไว้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาษาทางการ
ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่า คุณพบว่าเพื่อนบ้านของคุณใช้สูตรลับประจำตระกูลมาหลายร้อยปี แต่กลับกลายเป็นว่าปู่ทวดของคุณเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง
ภาษาก็คือขุมทรัพย์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าประหลาดใจ
ครั้งต่อไปที่คุณเห็น 「々」 คุณก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่สัญลักษณ์แปลกๆ อะไร แต่มันคือ "ฟอสซิลมีชีวิต" ที่เดินทางผ่านประวัติศาสตร์มาหลายพันปี และเชื่อมโยงวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน
ในระบบป้อนภาษาญี่ปุ่น คุณเพียงแค่พิมพ์ onaji
(同じ) หรือ dou
(同) ก็จะหามันเจอได้อย่างง่ายดาย
โลกของภาษานั้นมหัศจรรย์อย่างนี้แหละ เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าประหลาดใจที่คาดไม่ถึง เบื้องหลังทุกสัญลักษณ์ อาจซ่อนประวัติศาสตร์ที่ถูกลืมไว้ และเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน การเรียนรู้ภาษาใหม่ ไม่ใช่แค่การจำคำศัพท์และไวยากรณ์ แต่มันคือการเปิดประตูบานใหญ่สู่การสำรวจเรื่องราวที่ไม่เคยรู้
หากคุณหลงใหลในเรื่องราวข้ามวัฒนธรรมเหล่านี้ และปรารถนาที่จะสื่อสารกับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างไร้ขีดจำกัด เครื่องมืออย่าง Lingogram ก็อาจช่วยคุณได้ ฟังก์ชันแปลภาษาด้วย AI ที่ฝังอยู่ในตัวมัน ช่วยให้คุณสนทนากับใครก็ได้ด้วยภาษาแม่ของคุณ ราวกับเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานานหลายปี ทำให้คุณค้นพบความลับทางวัฒนธรรมอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย